วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันแห่งความตาย, ประเทศเม็กซิโก (Day of the Dead - Mexico)




   Dia De Los Muerto หรือวันแห่งความตาย ถือเป็นวันหยุดของชาวเม็กซิกัน ที่ทุกคนจะรวมใจกันอธิษฐานและสวดมนต์ถึงบรรดาครอบครัวหรือเพื่อนที่ล่วงลับให้ไปสู่สุคติ นอกจากนี้ยังมีการเดินขบวนของประชาชนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าและขนนกคล้ายกับอินเดียแดง และมีการเขียนหน้าหรือใส่หน้ากากรูปแบบต่าง ๆ 



             
    วันแห่งความตาย  ในวันที่ 1-2 พฤศจิกายน มีขึ้นในประเทศเม็กซิโก เป็นเทศกาลต่อจากเทศกาลฮาโลวีน เป็นฉลองให้กับคนตาย“ผู้ที่ยังอยู่” เชิญดวงวิญญาณ (ญาติสนิทเท่านั้น) ให้มาเยี่ยมครอบครัว อย่างน้อยๆ ทั้งคนเป็นและคนตาย ทุกคนก็จะได้รับประทานขนมและอาหารในแบบสยองขวัญด้วยกันทั้งครอบครัว


อาหารสำหรับวันแห่งความตาย

Mole


Pan de muert  ขนมปังคนตาย


Cup Cake รูปผี



เเล้วมาหลอกหลอนกันต่อโอกาสหน้านะคะ 
thank you for visited my blog,byee





ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.kapook.com/view97639.html








วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในปารีส

1. การนั่งรถทัวร์ชมกรุง (Double Decker Bus Tour)

            การนั่งรถทัวร์ชมกรุงเป็นสิ่งที่คุณควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวที่มาปารีสเป็นครั้งแรก เพราะที่นี่จะมีรถทัวร์ที่เรียกกันว่า L'Open ทัวร์ ซึ่งเป็นรถทัวร์ที่มีดาดฟ้าอยู่ข้างบน เพื่อให้คุณได้ชมเมืองปารีสอย่างไม่มีอะไรบดบังสายตาเลย

            นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋ววันเดียวหรือสองวันก็ได้ สำหรับการนั่งรถชมเมืองใน 4 เส้นทาง โดยทันทีที่คุณซื้อตั๋วแล้ว ทางรถทัวร์จะมีชุดหูฟังให้คุณ เพื่อใช้ในการเสียบต่อกับแจ็คที่อยู่บริเวณด้านข้างของเบาะที่นั่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถฟังบรรยายไปตลอดการเดินทาง โดยเลือกฟังได้ถึง 8 ภาษา คือ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอิตาลี ภาษาเยอรมัน ภาษาสเปน ภาษารัวเซีย และภาษาจีน 



นั่งรถชมกรุง

สำหรับเคล็ดลับในการนั่งรถทัวร์ชมกรุงปารีสนั้น แนะนำให้คุณลองใช้บริการในวันธรรมดาหรือเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์จะดีที่สุด เพราะหากใช้บริการในช่วงเวลาอื่นคนจะแน่นมาก และคุณอาจจะได้ยืนในห้องยืนที่จัดไว้รองรับเวลาที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้ หากคุณใช้บริการช่วงคนน้อย คุณสามารถที่จะเปลี่ยนแจ็กหูฟังของคุณได้ในกรณีที่ใช้หูฟังต่อกับแจ็กบางตัวไม่ได้อีกด้วย


2. ชมทิวทัศน์จากด้านบนของหอไอเฟล (Eiffel Tower)
             
      หอไอเฟลไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองปารีสเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสด้วย ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวคนใดไม่ได้ไปเยือนหอไอเฟล ถือว่าไปไม่ถึงฝรั่งเศสเลยทีเดียว ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 60 ล้านคน ไปเยือนหอไอเฟล โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมทัศนียภาพรอบกรุงปารีสได้ เพียงแค่ซื้อบัตรที่บูธซึ่งอยู่บริเวณฐานของหอไอเฟล แล้วขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นต่าง ๆ ของหอไอเฟล

หอไอเฟล

และด้วยความที่หอไอเฟลมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก (โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน) แนะนำให้คุณไปเที่ยวชมช่วงเช้าหรือหลัง 6 โมงเย็น หรือในวันธรรมดาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรอคิวเป็นเวลานาน



3. ล่องเรือในแม่น้ำเซน ชมพระอาทิตย์ตกดิน (Sunset River Cruise on the Seine)

            การล่องเรือในยามใกล้ค่ำเป็นทางเลือกที่ดีมาก หากคุณอยากจะชมทิวทัศน์ยามราตรีของกรุงปารีส โดยเรือจะล่องจากหอไอเฟล ผ่านสถานที่ที่น่าสนใจสองฝั่งแม่น้ำเซน รวมถึงผ่านโบสถ์นอทเทอร์ดัมด้วย 

แม่น้ำเซน

สำหรับเคล็ดลับของการนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกดินนั้น แนะนำให้คุณไปก่อนเวลาขายตั๋ว เพื่อที่จะได้เลือกที่นั่งหลังก่อนนักท่องเที่ยวคนอื่น ซึ่งที่นั่งด้านหลังสุดนี้จะเป็นบริเวณที่ไม่มีหลังคา ไม่ล้อมด้วยกระจก และบริเวณนี้คือจุดที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพสวย ๆ ของเมืองปารีสยามพระอาทิตย์ตก



4. โบสถ์นอทเทอร์ดัม (Notre Dame Cathedral)
            โบสถ์นอทเทอร์ดัมเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงปารีส เพราะเป็นสถานที่ที่อยู่คู่กับเมืองปารีสมาช้านาน และมีชื่อเสียงด้านความใหญ่โตหรูหรา มีสถาปัตยกรรมที่งดงามมาก โดยการเที่ยวชมนั้นนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความอลังการของโบสถ์นอทเทอร์ดัม อีกทั้งยังต้องขึ้นบันได 387 ขั้นเพื่อไปถึงยอดของโบสถ์

 
โบสถ์นอทเทอร์ดัม

วนเคล็ดลับในการชมโบสถ์นอทเทอร์ดัมนั้น แนะนำให้คุณไปเยี่ยมชมช่วงเช้า เพราะดวงอาทิตย์จะส่องกระทบกับซุ้มประตูทางทิศตะวันตกของโบสถ์ มองดูแล้วเหมือนเป็นประกายเพชรที่ระยิบระยับจับตา เพิ่มความหรูหราให้กับโบสถ์ได้เยอะเลยทีเดียว



5. โบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ (Sainte Chapelle)
            ถัดจากโบสถ์นอทเทอร์ดัม มีโบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ ซึ่งเป็นโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวปารีส สร้างในสไตล์กอธิค มีการประดัประดาด้วยกระจกสวยงามมากมาย จนนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมต่างยอมรับว่ากระจกที่ใช้ตกแต่งโบสถ์มีความงดงามที่สุด ยิ่งเมื่อแสงจากภายนอกส่องเข้ามา ยิ่งทำให้มองเห็นลายกระจกชัดเจนและสวยงามมาก

โบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ (ด้านนอก)

โบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ (ด้านใน)

สำหรับคำแนะนำในการเยี่ยมชม ควรเยี่ยมชมช่วงเช้าดีที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวไม่เยอะ หากไปช่วงอื่นต้องรอคิวเยี่ยมชม เพราะโบสถ์แซงต์ ชาแปลล์เป็นโบสถ์ขนาดเล็กมาก



6. ถนนฌ็องเซลิเซ่ และประตูชัยนโปเลียน (Champs Elysees & Arc de Triomphe)
            ถนนฌ็องเซลิเซ่ เป็นถนนที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงปารีส นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามถนนสายนี้ไปสู่ประตูชัยนโปเลียน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส และที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมชั้นบนของประตูชัยได้ โดยเดินขั้นบันได 284 ขั้น หรือใช้ลิฟต์

ถนนฌ็องเซลิเซ่ และประตูชัยนโปเลียน



7.  เลแซงวาลิด [Les Invalides (Napoleon's Tomb)]
            เลแซงวาลิด เป็นอาคารที่ฝังพระศพของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ซึ่งมีศพนายพลพระสหายของพระเจ้านโปเลียนอีกหลายคนฝังอยู่ด้วย ตัวอาคารมีโดมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโดมที่สวยงามที่สุดในกรุงปารีส นอกจากนี้ ยังมีศิลปะมากมายจัดแสดงอยู่ในนั้นอีกด้วย

เลแซงวาลิด (ด้านนอก)

เลแซงวาลิด (ด้านใน)



8. พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ (Musee d'Orsay)
            พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมศิลปะหลายอย่างเข้าด้วยกัน อันได้แก่ ศิลปะด้านการออกแบบสิ่งทอ ศิลปะทางประวัติศาสตร์ ภาพถ่าย ประติมากรรม ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของปารีสออกมาได้เด่นชัดเลยทีเดียว


พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ (ด้านนอก)

พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ (ด้านใน)

สำหรับเคล็ดลับในการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ ควรใช้เวลามากหน่อยเพื่อศึกษาศิลปะต่าง ๆ ที่จัดแสดงอยู่ทั้ง 3 ชั้นของพิพิธภัณฑ์ และที่ไม่ควรพลาดคือ ร้านอาหารที่มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเซนได้อย่างเต็ม ๆ ตา


9. พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (The Louvre)
            เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังหลวงมาก่อน จัดแสดงศิลปะที่มีคุณค่าระดับโลกมากมาย เช่น ภาพเขียนโมนาลิซ่า ผลงานของต่าง ๆ ของเลโอนาร์โด ดาวินซีแลอเล็กซานดรอส นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากที่สุดในกรุงปารีส ดังนั้น คุณจึงไม่ควรพลาดในการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งนี้

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์



10. มงต์มาร์ทร์ (Montmarte & Sacre Couer Basilica)

            มงต์มาร์ทร์เป็นหุบเขาสูง 130 เมตร ทางเหนือของปารีสและเป็นจุดที่สูงที่สุดของเมือง บนเขาเป็นที่ตั้งของโบสถ์ซาเครเกอร์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่อุทิศแด่ชาวฝรั่งเศส ที่เสียชีวิตจากสงครามกับปรัสเซีย ออกแบบตามแบบศิลปะสไตล์โรมัน - ไบเซนไทน์ ซึ่งมีความอลังการและงดงามมาก

มงต์มาร์ทร์










ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.kapook.com/view11359.html  :)



10 เมนูขนมหวานยอดฮิต (Top 10 Most Popular desserts )



1. Crepe Cake หรือ Mille Crepe Cake 

       เครปเค้กเนื้อนุ่มที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ นิยมทานราดกับซอสที่มีรสเปรี้ยว 

เช่น รสราสเบอร์รี่ รสสตอเบอรี่ หรือ รสบลูเบอรี่ เป็นต้นค่ะ


  


2. Chocolate Lava(Chocolate Fondant) 

    ช็อกโกแลตเค้กที่มีน้ำช็อกโกแลตสอดไส้อยู่ด้านใน นิยมรับประทานคู่กับไอศกรีมวานิลลา ราดท้อปปิ้งด้วยไอซิ่ง หรือทานกับวิปครีมและผลไม้ตามฤดูกาล


   



3. Honey toast 

    เมนูยอดฮิตมีขนมปังปิ้งเป็นพระเอก หอมด้วยเนยอ่อนๆ นิยมราดด้วยน้ำผึ้งทานคู่กับวิปครีม ไอศกรีม หรือผลไม้้เปรี้ยวหวานชนิดต่างๆค่ะ 


    



4. Macaron (Macaroon) 

    ขนมน้องใหม่มาแรงที่กำลังฮิตที่สุดเพราะนอกจากจะมีสีสันสวยงาม วางตกแต่งสวยหวานจึงเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ รสชาติคล้ายคุกกี้ แต่มีสอดไส้รสชาติต่างๆ หลายรสชาติ และกรอบนุ่มกว่า


         




5. Japan Crepe 

    ขนมที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศฝรั่งเศส และญี่ปุ่นนำมาดัดแปลงให้มีความนิ่มขึ้นสนสามาถม้วนได้ และเติมความสร้างสรรค์ลงไปด้วยการเพิ่มไส้ต่างๆ ทั้งแบบหวาน และแบบคาว





6. Tiramisu 

            ของหวานจากอิตาลี แม้ฟังชื่อดูคล้ายๆ ภาษาญี่ปุ่น แต่เป็นของหวานที่ขึ้นชื่อมากของอิตาลี ทิรามิสุเรียกอีกอย่างว่า "Tuscan Trifle" มีต้นกำเนิดที่เมือง SienaในTuscanyซึ่งอยู่แถบตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี






7. Brownie 

    บราวนี่เกิดจากความบังเอิญในการทำเค้กช็อกโกแลตโดยลืมใส่ผงฟู อบออกมาแล้วเค้กไม่ขึ้นฟู แต่กลับได้ขนมสีน้ำตาลเข้มเนื้อแน่น อันเป็นที่มาของชื่อ “brownie” นั่นเอง นับได้ว่า " ความหลงลืม ความผิดพลาดเป็นปัจจัยผลักดันความก้าวหน้า " ให้ขนมชนิดนี้ถือกำเนิดขึ้นบนโลก





8. Banoffee Pie 

    สวรรค์ของคนรักกล้วย เพราะขึ้นชื่อว่า Banoffee ในเมนูแล้วมักจะมีกล้วยเป็นพระเอก






9. Custard 

    ขนมเนื้อนุ่มที่มีส่วนประกอบหลักคือไข่ไก่และน้ำตาล






10. chocolate soft fudge cake หรือ 

เค้กช็อกโกแล็ตหน้านิ่ม 

    เนื้อเค้กจะชุ่มๆฉ่ำๆ ตัวเค้กเนื้อนิ่มแต่ก็ไม่เบามาก รสชาติเข้มข้นจะถูกใจเป็นพิเศษสำหรับนักทานที่ชื่นชอบช็อกโกแลต







ขอให้ทานของหวานอย่างมีความสุขนะคะ











วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วิธีการสั่งสเต็ก

         เมื่อเราเลือกชนิดของสเต็กที่อยากกินได้แล้ว ทีนี้ก็ต้องเลือกความสุกของเนื้อ ตามที่เราชอบ โดยความสุกของสเต็กจะแบ่งได้ตามนี้ค่ะ

1.แบบ Blue Rare
         คือ สุกเเค่ผิวด้านนอก ด้านในยังดิบเป็นสีแดงทั้งชิ้น


























2.แบบ Rare
         คือ ย่าง1นาที สุกเเค่ด้านนอก 75% ของเนื้อ เนื้อยัง
เป็นสีแดงถือว่าเป็น Perfect Steak

























3.เเบบ Medium Rare
         คือ ย่าง 2 นาที เนื้อยังเป็นสีแดงอยุ่ 50%



























4.เเบบ Medium
         คือ ย่าง 3 นาที ด้านในของเนื้อเป็นสีชมพู


























5.เเบบ Done
         คือ สุเกือบทั้งหมด ยังเหลือสีชมพูอยู่บ้า


















6.เเบบ Well Done
         คือ สุก100% เเต่เนื้อจะเเข็งหยาบ ไม่นิยมสักเท่าไหร่

















     
     






        ถ้าหากใครอยากลองทำสเต็กเองที่บ้าน เราก็สามารถเช็คเนื้อสเต็กเองได้ด้วยวิธีนี้ค่ะ




วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

How 2 ผิวขาว สวย ดูสุขภาพดี



1.ตื่นเช้ามา ดื่มนำ้มะเขือเทศ 1 แก้ว ( 3ลูก:1วัน )



2.หลังอาบนำ้เสร็จทาครีม SPF 30+



3.ทาครีมเยอะๆตั้งเเต่ 10.00-14.00นาฬิกา เเม้อยู่ในบ้านก็ตาม เพราะเป็นช่วงที่แดดออกมากที่สุด



4.ดื่มนำ้วันละ 8 แก้ว (ยิ่งดื่มยิ่งดีกับตัวคุณ^ ^)



5.ขัดตัวอย่างน้อย 1 อาทิตย์ เพื่อผลัดเซลลล์ผิว



6.ออกกำลังกายบ่อยๆ



เพียงเท่านี้เราก้จะมีผิวที่ขาว สวย ดูสุขภาพดีเเล้วค่ะ

thank you ;)