วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Asking about Health

ประโยคที่จะถามเวลาที่เจอคนป่วย


        What's the matter? เป็นอะไรคะ 
  What's the matter with you? มีอะไรเกิดขึ้น(กับคุณ)
        What happened? เกิดอะไรขึ้นหรือ



ประโยคสอบถามอาการ

What are your symptoms? อาการของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
Do you have a headache? คุณมีอาการปวดศีรษะไหม
Do you have fever/high temperature? ตัวร้อนหรือไข้ขึ้นไหม
       Did you get hurt? คุณเจ็บหรือเปล่า
     How do you feel now? ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร



      

ประโยคคำตอบ


                I feel sick. ฉันรู้สึกไม่สบาย
      I am all right now. ตอนนี้ฉันสบายดี
        I'm much better. ฉันดีขึ้นมากเลย
   I have a headache/toothache.ฉันปวดหัว/ปวดฟัน
I have a stomachache/backache.ฉันปวดท้อง/ปวดหลัง
    I have a sore eye/throat. ฉันเจ็บตา/เจ็บคอ
            I have a cold. ฉันเป็นหวัด
    I have a slight fever. ฉันเป็นไข้นิดหน่อย
    I feel chilly/dizzy. ฉันรู้สึกหนาวสั่น/มึนหัว
   I have a terrible cold. ฉันเป็นหวัดรุนแรงมาก
            My leg hurts. เจ็บขา
 I guess I'm just tired. ฉันคิดว่า ฉันแค่เหนื่อยเท่านั้น
  It's nothing. How come? ไม่มีอะไรหรอก ทำไมหรือ
You should stay in bed.เธอควรจะกลับไปนอนพักผ่อนดีกว่า
   You should see a doctor. เธอควรจะไปนอนดีกว่า
You should take some medicines.เธอควรจะกินยาดีกว่า


ประโยคเพิ่มเติม

                    It's not serious. ไม่ร้ายแรงหรอก
       You look very well. คุณดูมีความสุขดีนะ
       You don't look well. เธอดูไม่สบายเลยนะ
       You look (very) pale. เธอดูหน้าซีด(มาก)
       I feel better. /I'm getting better.          ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว




ขอบคุณข้อมูลจาก :
 http://www.tlcthai.com/education/knowledge-online/content-edu/16459.html


วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2559

le temps

                     
La neige (snow) 
             



            Le flocon(snowflake) 
           





 Le bonhomme de neige (snowman)

 
       

bye bye






วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Venice Carnival ( เทศกาลคาร์นิวัลเเห่งเมืองเวนิส )


            เทศกาลคาร์นิวัลหน้ากากเมืองเวนิส เป็นงานคาร์นิวัลสวมหน้ากากที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีมาตั้งแต่ปี 1268 แต่การเฉลิมฉลองโดยมีสวมหน้ากากรวมถึงแต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างอลังการนั้น ดูเหมือนจะเพิ่งมีขึ้นในเกือบ 200 ปีให้หลัง เมื่อช่างทำหน้ากากหรือ “mascareri” ได้รวมตัวกันก่อตั้งสมาคมขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 1436 และจัดงานรื่นเริงสวมหน้ากากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวเมืองทุกคนได้สนุกสนานรื่นเริงตามใจชอบ ก่อนที่จะเริ่มวันถือบวชในศาสนาคริสต์ ซึ่งจะมีการถือศีลอดเป็นเวลา 40 วันก่อนถึงวันอีสเตอร์ และยังเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลเกษตรด้วย 


 


            ต่อมาในปี 1797 หลังจากการยึดครองของกองทัพของนโปเลียน กษัตริย์ฝรั่งเศสแต่มีพ่อแม่เชื้อสายอิตาเลียนจากทัสคานี แต่นโปเลียนยึดเวนิสได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็สูญเสียเวนิสให้แก่อาณาจักรออสเตรีย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปการยึดครองนำมาซึ่งการสั่งห้ามการจัดงานเฉลิมฉลองงานรื่นเริงเป็นเวลาหลายปี ผู้คนไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้หน้ากากเปเปอร์มาเช่เพื่อปกปิดหน้าตา และงานเต้นรำสวมหน้ากากก็ถูกสั่งห้ามจัด 

จนกระทั่งทศวรรษที่ 1970 ประเพณีดั้งเดิมดังกล่าวถูกฟื้นขึ้นมาใหม่ เมื่อกลุ่มของอดีตนักศึกษาอคาเดมี ออฟ ไฟน์ อาร์ต ได้เปิดร้านขายหน้ากากสมัยใหม่แห่งแรกของกรุงเวนิสขึ้นในปี 1978 เทศกาลหน้ากากเวนิสก็ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งและกลายเป็นเทศกาลสำคัญของชาวเวนิส จนถึงณ ปัจจุบันนี้







            หน้ากากที่สวมในคาร์นิวัลของเวนิสแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่ หน้ากากแบบ Commedia dell'Arte , หน้ากากแฟนตาซี และหน้ากากแบบดั้งเดิมของชาวเวนิส เช่น หน้ากากของแพทย์ที่มีจมูกยาว มีมาแต่ครั้งเกิดโรคระบาดใหญ่ในเวนิสจมูกที่ยาว เพื่อป้องกันไม่ให้หมอสัมผัสลมหายใจของผู้ป่วยใกล้ชิดเกินไปและก็มียาฆ่าเชื้อที่ปลายหน้ากากตรงจมูกด้วย 






                                                   



thank you so much for visiting,see you again later.
byeeee




ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.facebook.com/kannikaTourEurope/photos/?tab=album&album_id=571812772951130
  




วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

le fantastique

 


la sorcière / le sorcier     ( wizard , magician )



le nain / la naine     ( dwarf )


le géant     ( giant )




le dragon     ( dragon )




la fée     ( fairy , fixy )



le monstre     ( monster )


le loup-garou     ( werewolf )



Au revoir :)





วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559

10 things to give up. สิ่งที่ควรเลิกทำ




1. Making  Excuses     หาข้อแก้ตัว

2. Self  Doubt     ไม่มั่นใจในตนเอง

3. Fear  of  Failure     กลัวความล้มเหลว 

4. Procrastination     ผัดวันประกันพรุ่ง

5. People  Pleasing     ไม่รู้จักปฏิเสธ

6. Fear  of  Success     กลัวความสำเร็จ

7. Negative  Thinking      มองโลกในเเง่ร้าย

8. Negative  Self  Talk     ด่าตัวเอง

9. Judging  Others     ตัดสินผู้อื่น

10. Bringing  Negative  People  into  Life     คบคนพาล







วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

The Door to Hell





     The Door to Hell ในเติร์กเมนิสถานหรือที่เราเรียกกันว่า ประตูนรก ที่นี่มีชื่อในภาษา เติร์ก ว่า Derwaze แปลว่า ประตู  ประตูนรก ตั้งอยู่ในหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีผู้อาศัยอยู่ประมาณ 350 ครอบครัว บริเวณตอนกลางของทะเลทรายคารากัม ( Kara-Kum desert ) ห่างจากเมืองอาชกาบัท(Ashgabat เมืองหลวง ของ ประเทศ เติร์กเมนิสถาน) 260 กิโลเมตร ในบริเวณของ Derwaze เป็นที่รู้กันว่าเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาิติขนาดใหญ่ ของ เติร์กเมนิสถาน
     ประตูนรกเป็นหลุมไฟที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของนักธรณีวิทยาในปี 1971 และนับแต่นั้นก็เกิดการเผาไหม้มาตลอด โดยนักวิทยาศาสตร์ของสหภาพโซเวียตค้นพบ และเชื่อว่ามีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ จึงตั้งขึ้นแท่นขุดเจาะเพื่อแสวงหาก๊าซ แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่ผิดพลาด พื้นดินทรุดตัวลงและแท่นขุดเจาะหายเข้าไปในปากปล่องภูเขาไฟกว้าง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณของก๊าซมีเทนได้กระจายตัวออกมาสร้างความเสี่ยงอย่างมากให้กับสภาพแวดล้อม และหมู่บ้านใกล้เคียง ในขณะที่พยายามจะระงับสถานการณ์ นักวิทยาศาสตร์จึงตัดสินใจปล่อยก๊าซมีเทนไปในหลุมไฟด้วยเชื่อว่ามันจะเผาไหม้ภายในไม่กี่วันเท่านั้น แต่ที่สุดแล้วกว่า 40 ปีต่อมามันก็ยังคงลุกไหม้อยู่เช่นนั้น กลายเป็นประตูสู่นรกที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ที่มาพบเห็น



 

     


          

                                   

see you later, byeee




ขอบคุณข้อมูลจาก:http://wowboom.blogspot.com/2010/05/door-to-hell.html
             http://travel.truelife.com/detail/42603





วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สถานที่ี่ที่เหมือนโลกเเห่งเทพนิยาย..

Neuschwanstein ปราสาทซินเดอเรลล่า : เยอรมัน




      พระราชวังสมัยศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่บนเนินเขาขรุขระทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน มีลักษณะเหมือนปราสาทในเทพนิยาย พระราชวังแห่งนี้เปิดให้ประชาชนเข้าชม และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง และแม้จะเป็นปราสาทยุคกลางของลุดวิก (Ludwig) แต่ก็มีเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งห้องน้ำแสนสะอาด มีน้ำร้อน น้ำเย็น กันเลยทีเดียวค่ะ




              Socrota Island: เยเมน

  

    Socotra เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ห่างไกลที่สุดในโลก อยู่ในทะเลอาระเบียประมาณ 150 ไมล์ของแอฟริกา นอกจากถ้ำ เกาะที่แปลกประหลาด และน้ำทะเลที่สวยงามแล้ว ความแห้งแล้งบนเกาะยังทำให้เกิดพืชพันธุ์ที่มีรูปทรงคล้ายมาจากต่างดาวเเล้วไม่สามารถพบได้ที่ใดในโลก และเป็นหนึ่งในสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดถือเป็นสัญลักษณ์ของเกาะ Socrota ก็คือต้น Dragon Blood ที่มีรูปทรงเป็นร่มนั่นเอง



Igloo Village : ฟินแลนด์


 


     Igloo Village มีเอกลักษณ์อยู่ที่เพดานกระจก และยิ่งตอนที่หิมะตกจะเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์มากที่สุดของรีสอร์ทในโลกนี้ ผู้เข้าพักจะได้สัมผัสกับความสงบสุขในการนอนหลับบนเตียงอันแสนอบอุ่นท่ามกลางหิมะ




The Crooked Forrest : โปแลนด์






        
       เมืองใน New Czarnowa ประเทศโปแลนด์ ป่าสุดแสนประหลาดที่เต็มไปด้วยต้นสนขนาดใหญ่ที่มีส่วนล่างของลำต้นโค้งเข้าด้านใน ลำต้นของต้นสนเหล่านี้จะเริ่มโค้งเข้าก่อนที่มันจะเติบโตขึ้นตามปกติ นอกจากนี้ยังมีความลี้ลับบางอย่างที่ทำให้คุณไม่อยากจะติดอยู่ในป่าแห่งนี้ยามค่ำคืนอีกด้วย



The Doorway to Hell : เติร์กเมนิสถาน



      หลุมไฟแปลกประหลาดนี้มีชื่อเรียกว่า Door to Hell (ประตูสู่นรก) ตั้งอยู่กลางทะเลทราย Karakum มองเผินๆด้านหลังนั้นมันเหมือนประตูอันมืดมิดของมอร์ดอร์ (Mordor) ทั้งที่แท้จริงแล้วมันเป็นหลุมไฟที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของนักธรณีวิทยาในปี 1971 และนับแต่นั้นก็เกิดการเผาไหม้มาตลอด โดยนักวิทยาศาสตร์ของสหภาพโซเวียตค้นพบ และเชื่อว่ามีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ จึงตั้งขึ้นแท่นขุดเจาะเพื่อแสวงหาก๊าซ แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์


พื้นดินทรุดตัวลงและแท่นขุดเจาะหายเข้าไปในปากปล่องภูเขาไฟกว้าง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณของก๊าซมีเทนได้กระจายตัวออกมาสร้างความเสี่ยงอย่างมากให้กับสภาพแวดล้อม และหมู่บ้านใกล้เคียง ในขณะที่พยายามจะระงับสถานการณ์ นักวิทยาศาสตร์จึงตัดสินใจปล่อยก๊าซมีเทนไปในหลุมไฟด้วยเชื่อว่ามันจะเผาไหม้ภายในไม่กี่วันเท่านั้น แต่ที่สุดแล้วกว่า 40 ปีต่อมามันก็ยังคงลุกไหม้อยู่เช่นนั้น กลายเป็นประตูสู่นรกที่สร้างความตื่นตะลึงท่ามกลางทะเลทราย




Majlis al Jinn, the Cave of Wonders : โอมาน




    Majlis al Jinn ถ้ำอาละดินที่สามารถเห็นได้จริง สุดแสนมหัศจรรย์กับถ้ำที่แบ่งออกเป็นสองห้องใหญ่ที่สุดในโลก และสามารถผ่านเข้าไปในช่องเล็กๆได้ หรือจะหากจะท้าทายความกลัวในใจด้วยการห้อยตัวลงมาในความสูงประมาณ 150 เมตร ก็วัดใจกันได้เลย



Hobbiton : นิวซีแลนด์



     เมื่อพูดถึง Lord of the Rings คุณจะไม่พูดถึงฮ็อบบิทเป็นไปไม่ได้เลย  Matamata เมืองเล็กๆ ในนิวซีแลนด์เป็นโลเคชั่นสำหรับ Lord of the Rings ทั้ง 3 ภาค และทางรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ตัดสินใจให้หมู่บ้านฮ็อบบิทแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ


  

    Thank you so much for visiting.



ขอบคุณข้อมูลจาก: http://travel.truelife.com/detail/42603






วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

อาหารประจำชาติเยอรมัน

              เมื่อพูดถึงเยอรมันเเล้ว หลายๆคนมักรู้จักในฐานะเมืองเบียร์ นักท่องเที่ยวมากมายมักเเห่กันไป Oktoberfest ในมิวนิคเพื่อไปลิ้มรสชาติของเบียร์นั่นเอง เเต่นอกจากเบียร์เเล้วรู้ไหมคะว่าอาหารเยอรมันก็น่าลิ้มรสไม่เเพ้กัน มีความมหลากหหลาย,มีความเป็นเอกลักษณ์เเละรสชาติไม่เเพ้กับชาติอื่นเลยทีเดียวค่ะ วันนี้จึงขอเสนอ 5 อาหารประประจำชาติเยอรมันที่น่าลิ้มลองกันค่ะ


1.Brez'n


     ในภาษาอังกฤษเราจะเรียกมันว่า Pretzel มีต้นกำเนิดมาจากทางตอนใต้ของเเคว้นบาวาเรีย



2.Würste

image

     ไส้กรอกเยอรมัน อาหารที่เป็นที่นิยมอย่างมากทางตอนเหนือของเยอรมัน เช่น เบอร์ลิน นิยมทาน Currywurst (ไส้กรอกที่มีผงกระหรี่อยู่ด้านบน) ในขณะที่ทางตอนใต้หรือบาวาเรียนิยมทาน Weisswurst หรือไส้กรอกขาว แล้วทานพร้อมกับมัสตาร์ดหวาน หรือ Süßem Senf อีกหนึ่งไส้กรอกที่นิยมในบาวาเรียคือ Wollwurst หรือไส้กรอกที่ทำจากเนื้อลูกวันและเนื้อหมู ในขณะที่เมือง Thüringen และ Nürnberg นิยม Rostbratwurst mit Sauerkraut ซึ่งคือไส้กรอกย่างกับกะหล่ำปลีดอง


3.Schweinebraten


     เป็นเมนูที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับคนชอบทานเนื้อ เมื่อคุณไปร้านอาหารคุณจะต้องสั่ง Schweinebraten  คำว่า Schwein นั้นเป็นภาษาเยอรมันที่แปลว่า หมู ซึ่ง Schweinebraten ก็คือหมูย่าง โดยปกติจะถูกเสิร์ฟพร้อซอสกับมันฝรั่ง Knödel


4.Brathend’l


     Brathend’l คือไก่ย่างแบบเยอรมัน ดั้งเดิมนิยมทานในวันอาทิตย์หรือตามเทศกาล แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไก่ย่างจานนี้ก็ถูกนำมาขายตามลานเบียร์ทั่วไปในทุกโอกาส


5.Rote Grütze


      คนเยอรมันนำเอาผลไม้เหล่านี้มาทำเป็นของหวาน เช่น สตอเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่, เชอร์รี่ และอื่นๆ ที่มีชื่อว่า Rote Grütze โดยเสิร์ฟคู่กับ sahne หมายถึงครีม หรือ Vanillees ที่หมายถึงไอศครีมวนิลา




Danke schön

Tschuss
:)






ขอบคุณข้อมูลจาก http://blogth.eztable.com/2014/11/10_20.html